
การเริ่มต้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและตกแต่งในปัจจุบัน มีความซับซ้อนและต้องคำนึงถึงกฎหมายหลายฉบับ การทำความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องจึงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ บทความนี้จะรวบรวมสาระสำคัญของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมคำอธิบายและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง
กฎหมายหลักที่ควรรู้ พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เป็นกฎหมายแม่บทที่กำกับดูแลการก่อสร้างและตกแต่งอาคารในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อควบคุมการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย และการใช้อาคารให้มีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และสอดคล้องกับการผังเมือง กฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาคาร ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการใช้งาน รวมถึงบทลงโทษกรณีที่มีการฝ่าฝืน
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ
1. การแบ่งประเภทงานตามกฎหมายกับการก่อสร้างและตกแต่ง

งานก่อสร้างใหม่
งานก่อสร้างใหม่ทุกประเภทต้องได้รับการอนุญาตก่อนเริ่มดำเนินการ โดยต้องมีการจัดเตรียมแบบแปลนที่ได้รับการรับรองจากวิศวกรและสถาปนิกที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ แบบแปลนต้องแสดงรายละเอียดที่สำคัญ เช่น ผังบริเวณ แบบแปลนอาคาร รูปด้าน รูปตัด และรายการประกอบแบบที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้าง วัสดุ และงานระบบต่างๆ นอกจากนี้ ยังต้องมีวิศวกรและสถาปนิกควบคุมงานตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง
งานดัดแปลงอาคาร
การดัดแปลงอาคารครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่มีผลต่อโครงสร้างหลักของอาคาร พื้นที่ใช้สอย หรือระบบความปลอดภัย เช่น การต่อเติมพื้นที่ การเปลี่ยนแปลงผนังรับน้ำหนัก การเพิ่มชั้น หรือการเปลี่ยนแปลงระบบป้องกันอัคคีภัย งานเหล่านี้ต้องได้รับอนุญาตก่อนดำเนินการ และต้องมีการคำนวณโครงสร้างเพื่อยืนยันว่าอาคารยังคงมีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอ
งานตกแต่งภายใน
งานตกแต่งภายในแบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ งานที่ไม่กระทบต่อโครงสร้างและงานที่มีผลต่อความปลอดภัย สำหรับงานตกแต่งที่ไม่กระทบโครงสร้าง เช่น การทาสี การปูพื้น การติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต แต่งานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางหนีไฟ การกั้นห้อง การติดตั้งระบบไฟฟ้าใหม่ ต้องได้รับการอนุญาตและดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ
2. ขั้นตอนการขออนุญาตที่ถูกต้องการก่อสร้างและตกแต่ง

การเตรียมเอกสาร
การเตรียมเอกสารที่ครบถ้วนและถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การขออนุญาตเป็นไปอย่างราบรื่น เอกสารที่จำเป็นประกอบด้วย
แบบแปลนที่ได้รับการรับรองจากผู้ประกอบวิชาชีพ
เอกสารแสดงสิทธิ์ในที่ดิน เช่น โฉนด นส.3 หรือ นส.3ก
สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ขออนุญาต
หนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ดิน (กรณีผู้ขออนุญาตไม่ใช่เจ้าของที่ดิน)
หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีผู้ขออนุญาตเป็นนิติบุคคล)
หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
การยื่นคำขอ
เมื่อเตรียมเอกสารครบถ้วนแล้ว ให้ยื่นคำขอที่สำนักงานเขต เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล ตามเขตพื้นที่ที่จะก่อสร้าง โดยมีขั้นตอนดังนี้
ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น
กรอกแบบคำขออนุญาตให้ครบถ้วน
ชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอ
รับใบรับคำขอและรอการพิจารณา (ระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน)
การรับใบอนุญาต
หลังจากคำขอได้รับการอนุมัติ ผู้ขออนุญาตจะได้รับการแจ้งให้มารับใบอนุญาต โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในใบอนุญาต
ศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ระบุในใบอนุญาต
ใบอนุญาตมีอายุ 1 ปีนับจากวันที่ออก
หากก่อสร้างไม่แล้วเสร็จต้องขอต่ออายุก่อนหมดอายุ
เก็บรักษาใบอนุญาตไว้ในสถานที่ก่อสร้างเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่
3. ข้อควรระวังในการดำเนินงานการก่อสร้างและตกแต่ง

ข้อกำหนดด้านพื้นที่ การตรวจสอบข้อกำหนดด้านพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการก่อนเริ่มงาน
ผังเมืองรวม
ตรวจสอบประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน
ข้อจำกัดด้านความสูงของอาคาร
อัตราส่วนพื้นที่อาคารต่อพื้นที่ดิน (FAR)
อัตราส่วนพื้นที่ว่างต่อพื้นที่อาคาร (OSR)
มาตรฐานความปลอดภัย การก่อสร้างและตกแต่งต้องคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยหลายด้าน
ระบบป้องกันอัคคีภัย
ระบบตรวจจับควันและความร้อน
ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ
ทางหนีไฟและป้ายบอกทาง
อุปกรณ์ดับเพลิงแบบพกพา
โครงสร้างต้านแรงแผ่นดินไหว
การออกแบบตามมาตรฐาน มยผ.
การเสริมความแข็งแรงโครงสร้าง
การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม
การตรวจสอบและบำรุงรักษา
ระบบระบายอากาศ
การคำนวณอัตราการระบายอากาศ
ตำแหน่งช่องลมและพัดลมระบาย
ระบบกรองอากาศ
การบำรุงรักษาระบบ
การควบคุมมลภาวะ การควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างการก่อสร้าง:
เสียงรบกวน
กำหนดเวลาทำงานที่เหมาะสม
ใช้เครื่องมือที่มีระดับเสียงไม่เกินมาตรฐาน
ติดตั้งวัสดุลดเสียง
แจ้งแผนงานให้ผู้อยู่ข้างเคียงทราบ
การควบคุมฝุ่น
ติดตั้งผ้าใบคลุมอาคาร
ฉีดพรมน้ำลดฝุ่น
ทำความสะอาดล้อรถก่อนออกจากพื้นที่
จัดการพื้นที่ก่อสร้างให้เป็นระเบียบ
การจัดการขยะ
แยกประเภทขยะก่อสร้าง
จัดเก็บในพื้นที่เฉพาะ
กำจัดโดยผู้รับเหมาที่ได้รับอนุญาต
บันทึกปริมาณและการขนย้าย
4. กฎหมายที่เกี่ยวกับการก่อสร้างและบทลงโทษกรณีฝ่าฝืน

โทษทางอาญา โทษทางอาญาสำหรับการฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมอาคารมีหลายระดับ
การก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำคุกไม่เกิน 3 เดือน
ปรับไม่เกิน 60,000 บาท
อาจได้รับทั้งจำทั้งปรับ
มีประวัติอาชญากรรมติดตัว
การฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน
จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
ปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 30,000 บาท
อาจถูกดำเนินคดีซ้ำได้จนกว่าจะปฏิบัติตาม
5. โทษทางปกครอง มาตรการทางปกครองที่อาจถูกดำเนินการ

คำสั่งระงับการก่อสร้าง
หยุดการก่อสร้างทันที
ห้ามใช้หรือเข้าไปในอาคาร
ระงับการให้บริการไฟฟ้าและน้ำประปา
ติดประกาศแจ้งคำสั่งที่อาคาร
คำสั่งรื้อถอน
กำหนดระยะเวลาให้รื้อถอน
ค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนเป็นของเจ้าของ
หากไม่รื้อถอน เจ้าพนักงานดำเนินการเอง
เจ้าของต้องชำระค่าใช้จ่ายเพิ่ม 10%
ค่าปรับรายวัน
เริ่มนับตั้งแต่วันที่ฝ่าฝืนคำสั่ง
อัตราขึ้นอยู่กับความรุนแรง
ต้องชำระจนกว่าจะปฏิบัติตาม
สามารถฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อบังคับชำระ
6. คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ

การเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มธุรกิจ
ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด
จัดทำแผนธุรกิจที่สอดคล้องกับข้อกำหนด
ประเมินงบประมาณให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย
สร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาคาร
การบริหารจัดการเอกสาร
จัดระบบเก็บเอกสารสำคัญ
ทำสำเนาใบอนุญาตและเอกสารประกอบ
บันทึกการติดต่อกับหน่วยงานราชการ
จัดทำปฏิทินติดตามการต่ออายุใบอนุญาต
การพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง
เข้าร่วมสัมมนาด้านกฎหมายอาคาร
ติดตามข่าวสารการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ
แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ประกอบการอื่น
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อมีข้อสงสัย
7. แนวทางการปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการก่อสร้างและตกแต่ง

การสร้างความน่าเชื่อถือ
ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
รักษามาตรฐานการทำงาน
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานราชการ
มีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ
การจัดการความเสี่ยง
ทำประกันภัยที่เหมาะสม
มีที่ปรึกษากฎหมายประจำ
จัดทำแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน
ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายเป็นประจำ
การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
วางแผนการขยายธุรกิจที่สอดคล้องกับกฎหมาย
พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้านกฎหมาย
สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมาย
มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและสังคม
บทสรุปโดยรวม
การประกอบธุรกิจก่อสร้างและตกแต่งให้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทักษะฝีมือเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยความเข้าใจและการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายตั้งแต่เริ่มต้น จะสามารถสร้างธุรกิจที่มั่นคง น่าเชื่อถือ และเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ความสำเร็จของธุรกิจก่อสร้างและตกแต่งจะเกิดขึ้นได้ เมื่อผู้ประกอบการสามารถผสมผสานความเชี่ยวชาญในงานเข้ากับการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างลงตัว ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับในวงการ
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านบทความนี้
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางให้ท่านสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น มั่นคง และเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่กำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการก่อสร้างและตกแต่งของไทยให้ก้าวหน้าและได้มาตรฐานสากล
หากท่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาคาร หรือติดต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของท่านเป็นไปอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมายทุกประการ
หมายเหตุ ข้อมูลในบทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติเท่านั้น ขอแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้ทุกครั้ง เพื่อให้คุณมีธุรกิจที่มีคุณภาพมีมาตรฐาน ลดข้อผิดพลาดที่จะตามมาทีหลัง ให้คุณได้รู้รายละเอียดของงานที่กำลังดำเนินงานได้อย่างโปร่งใส เพื่อการทำธุรกิจที่ยั่งยืนต่อไป
DeccoDesign เราสร้างสรรค์ผลงาน ยกระดับมาตรฐานงานออกแบบทุกประเภทร้าน มีการทำงานอย่างเป็นระบบแบบมืออาชีพ ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศแบบ One Stop Service ครบจบในที่เดียว ด้วยประการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
ติดต่อเราได้ที่
———————————————
LINE : @deccodesign
Facebook Official: Decco Design
Website : www.deccodesign.com
Tel. 093-424-1559 / 063-896-0577
———————————————
댓글