
การรู้จักและทำความเข้าใจวิธีอ่านแบบก่อสร้าง เป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของบ้าน ผู้ประกอบการ และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เข้าใจรายละเอียดของโครงการอย่างถูกต้อง ทั้งยังช่วยให้สื่อสารกับผู้ออกแบบและผู้รับเหมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะสรุปเนื้อหาหลักเกี่ยวกับวิธีอ่านแบบก่อสร้างเบื้องต้น รวมถึงสัญลักษณ์ในแปลนบ้าน การเลือกประตูหน้าต่าง และเทคนิคการสื่อสารกับผู้ออกแบบ
1. ทำความรู้จักกับวิธีอ่านแบบก่อสร้างเบื้องต้น

วิธีอ่านแบบก่อสร้างเบื้องต้น เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจประเภทและโครงสร้างของแบบก่อสร้าง ซึ่งมักมาในรูปแบบ พิมพ์เขียว หรือ พิมพ์ขาว จัดเป็นเล่มในแนวนอน ขนาด A3 หรือ A2 ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและขนาดของโครงการ
แบบก่อสร้างหลักที่ควรรู้
แบบสถาปัตยกรรม (Architectural Drawing)
แสดงการจัดวางพื้นที่ ขนาดห้อง วัสดุที่ใช้ รวมถึงรายละเอียดของผนัง ฝ้า ประตูและหน้าต่าง
ให้ภาพรวมของดีไซน์และรูปลักษณ์ของอาคาร
แบบวิศวกรรมโครงสร้าง (Structural Drawing)
ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้าง เช่น ฐานราก เสา คาน และโครงหลังคา
แสดงวิธีการเสริมคอนกรีตและเหล็กเส้น เพื่อความแข็งแรงและความปลอดภัยของอาคาร
แบบวิศวกรรมระบบไฟฟ้า (Electrical Drawing)
แสดงระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง เช่น ตำแหน่งปลั๊กไฟ สวิตช์ไฟ วงจรไฟฟ้า และเบรกเกอร์
ช่วยให้การเดินสายไฟและติดตั้งระบบไฟฟ้าถูกต้องตามมาตรฐาน
แบบวิศวกรรมระบบประปาและสุขาภิบาล (Plumbing and Sanitary Drawing)
รายละเอียดระบบน้ำทิ้ง น้ำดี และสุขภัณฑ์ภายในอาคาร
ระบุเส้นทางท่อน้ำ ตำแหน่งอุปกรณ์ประปา และระบบบำบัดน้ำเสีย
ทำไมต้องเข้าใจแบบก่อสร้างเหล่านี้?
ช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น เจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา และผู้ออกแบบ สื่อสารกันอย่างเข้าใจตรงกัน
ลดความเสี่ยงในการแก้ไขปัญหาหน้างานที่อาจเกิดจากความเข้าใจผิดในรายละเอียดแบบ
สามารถควบคุมโครงการให้เสร็จสิ้นตรงตามกำหนดเวลาและงบประมาณ
2. ส่วนประกอบสำคัญในแต่ละหน้าแบบ

การอ่านแบบก่อสร้างอย่างถูกต้องต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจ ส่วนประกอบหลัก ในแต่ละหน้าแบบ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตีความข้อมูลได้อย่างครบถ้วนและแม่นยำ
พื้นที่แสดงแบบ (Drawing Area): แสดงผังพื้น รูปด้าน รูปตัด และรายละเอียดสำคัญของโครงการ
ส่วน Heading (หัวเรื่อง): ข้อมูลโครงการ เช่น ชื่อเจ้าของ ผู้ออกแบบ และหมายเลขหน้าแบบ
สารบัญแบบ (Drawing Index): รวบรวมชื่อแบบและหมายเลขหน้าทั้งหมด เพื่อความสะดวกในการค้นหา
รายการประกอบแบบ (Specification): ระบุวัสดุ มาตรฐาน และข้อกำหนดการก่อสร้าง
สัญลักษณ์และอักษรย่อ (Symbols and Abbreviations): แสดงสัญลักษณ์และอักษรย่อที่ใช้ในแบบ เช่น ประตู หน้าต่าง ระบบไฟฟ้า
มาตราส่วน (Scale): อัตราส่วนที่ใช้เปรียบเทียบขนาดแบบกับขนาดจริง เช่น 1:100 หรือ 1:250
เลขที่หน้าและรหัสแบบ (Page Number and Drawing Code): หมายเลขหน้าและรหัสอ้างอิง ช่วยในการติดตามรายละเอียดระหว่างการทำงาน
3. วิธีอ่านแปลนบ้านจากวิศวกรและสถาปนิก

การอ่านแปลนบ้านจากวิศวกรและสถาปนิกเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจรายละเอียดของโครงสร้างและการออกแบบอาคารอย่างครบถ้วน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ แปลนแบบวิศวกรรม และ แปลนแบบสถาปัตยกรรม
แปลนแบบวิศวกรรม (Engineering Drawing) เน้นโครงสร้างและระบบไฟฟ้า เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัย
แผ่น S (Structural Drawing): แสดงโครงสร้างหลัก เช่น เสา คาน ฐานราก และการเสริมคอนกรีต เพื่อความแข็งแรงของอาคาร
แผ่น E (Electrical Drawing): แสดงระบบไฟฟ้า ตำแหน่งโคมไฟ สวิตช์ไฟ และวงจรไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
แปลนแบบสถาปัตยกรรม (Architectural Drawing) เน้นการจัดวางพื้นที่และรูปลักษณ์ภายนอก-ภายในของอาคาร
ผังพื้น (Floor Plan): แสดงตำแหน่งห้อง ประตู หน้าต่าง และเส้นทางการเดินภายในอาคาร
รูปด้าน (Elevation): แสดงลักษณะภายนอกของอาคาร เช่น ด้านหน้าและด้านข้าง รวมถึงความสูงและวัสดุที่ใช้
รูปตัด (Section View): แสดงโครงสร้างภายใน เช่น ผนัง เพดาน และระดับความสูงของอาคาร เพื่อเข้าใจการจัดวางพื้นที่ภายใน
4. สัญลักษณ์สำคัญในแปลนบ้าน

เครื่องหมายหรือตัวเลขที่ใช้แทนอุปกรณ์ โครงสร้าง หรือองค์ประกอบต่าง ๆ ในแบบก่อสร้าง เช่น สัญลักษณ์ประตู หน้าต่าง ฝ้าเพดาน และเส้นบอกระยะ เพื่อให้ผู้อ่านแบบเข้าใจรายละเอียดและการจัดวางได้อย่างถูกต้องและชัดเจน
เส้นบอกระยะ (Dimension Line): แสดงขนาดความกว้างและความยาวของห้องและพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจสัดส่วนพื้นที่ภายในอาคาร
สัญลักษณ์ประตูและหน้าต่าง
ประตู: ใช้กรอบวงกลมหรือตัวเลขกำกับ (เช่น D9) เพื่อระบุประเภทและลำดับของประตู
หน้าต่าง:ใช้รูปหกเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมที่มีเส้นทแยงมุม แสดงทิศทางการเปิดปิดหน้าต่าง
สัญลักษณ์ฝ้าเพดาน: แสดงด้วยกรอบวงรีพร้อมตัวเลขกำกับ เพื่อบอกระดับความสูงและประเภทของฝ้าเพดานในแต่ละห้อง
สัญลักษณ์รูปตัด (Section Symbol): เป็นวงกลมที่มีหัวลูกศรชี้ทิศทางการมอง พร้อมระบุเลขหน้าของแบบที่แสดงรายละเอียดรูปตัดนั้น ๆ
5. วิธีเลือกประตูและหน้าต่างให้เหมาะกับบ้าน

การเลือกประตูและหน้าต่างที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยเสริมความสวยงามให้บ้าน แต่ยังส่งผลต่อการระบายอากาศ การใช้พื้นที่ และความปลอดภัย มาดูกันว่าประเภทใดเหมาะกับบ้านของคุณมากที่สุด
ประตูและหน้าต่างแบบบานเปิด
คุณสมบัติ: เปิด-ปิดแบบดึงหรือผลัก เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการการระบายอากาศสูง
จุดเด่น: ปรับเข้ากับดีไซน์ได้ทุกสไตล์ ทั้งโมเดิร์นและคลาสสิก
เหมาะกับ: ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องที่เปิดรับลมจากภายนอก
บานกระทุ้ง
คุณสมบัติ: เปิดขึ้นด้านบน ช่วยระบายอากาศได้ดี
จุดเด่น: เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย ประหยัดพื้นที่
เหมาะกับ: ห้องน้ำ ห้องครัว หรือพื้นที่ที่ต้องการการระบายอากาศเฉพาะจุด
บานเลื่อน
คุณสมบัติ: เปิด-ปิดด้วยการเลื่อนบานไปด้านข้าง
จุดเด่น: ประหยัดพื้นที่ ใช้งานง่าย เหมาะกับบ้านสมัยใหม่
สไตล์ที่แนะนำ:
บานเลื่อน 3 บาน: เปิดได้กว้างถึงสองในสามของช่องเปิด
หลายบานในกรอบเดียว: เพิ่มลูกเล่นและความโปร่งโล่ง
เหมาะกับ: ห้องนั่งเล่น ระเบียง หรือพื้นที่ที่ต้องการความต่อเนื่องระหว่างภายในและภายนอก
บานเฟี้ยม
คุณสมบัติ: เปิดได้กว้างแบบพับเก็บซ้อนกัน
จุดเด่น: ให้ความรู้สึกหรูหรา โปร่งโล่ง และเปิดรับทิวทัศน์ได้เต็มที่
เหมาะกับ: ห้องที่ต้องการความโปร่งโล่ง เช่น ห้องรับแขก หรือพื้นที่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน
6. เทคนิคการสื่อสารกับผู้ออกแบบ

วิธีการพูดคุยและประสานงานเพื่อให้โครงการเป็นไปตามความต้องการอย่างราบรื่น โดยเน้นการระบุความต้องการชัดเจน ใช้แบบแปลนเป็นสื่อกลาง ถามคำถามเมื่อไม่เข้าใจ และตรวจสอบแบบอย่างละเอียดก่อนก่อสร้าง
ระบุความต้องการอย่างชัดเจน: บอกผู้ออกแบบถึงฟังก์ชันการใช้งานที่ต้องการอย่างละเอียด
ใช้แบบแปลนเป็นเครื่องมือสื่อสาร: ศึกษาและสอบถามข้อมูลในแบบแปลนเพื่อลดความเข้าใจผิด
ถามคำถามสำคัญ: หากมีสัญลักษณ์หรือรายละเอียดใดที่ไม่เข้าใจ ควรสอบถามเพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง
ตรวจสอบแบบอย่างรอบคอบ: ตรวจสอบแบบแปลนก่อนลงมือก่อสร้างเพื่อลดความผิดพลาด
สรุป
การอ่านแบบก่อสร้างไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจองค์ประกอบหลัก เช่น แปลนสถาปัตยกรรม แปลนวิศวกรรม สัญลักษณ์สำคัญ และการเลือกประตูหน้าต่างที่เหมาะสม รวมถึงเทคนิคการสื่อสารที่ชัดเจนกับผู้ออกแบบ ความเข้าใจเหล่านี้จะช่วยให้โครงการดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ตรงตามความต้องการ และสำเร็จตามเป้าหมายอย่างมืออาชีพ
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านบทความนี้
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางให้ท่านสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น มั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน หากท่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาคาร หรือติดต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของท่านเป็นไปอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมายทุกประการ
หมายเหตุ ข้อมูลในบทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติเท่านั้น ขอแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้ทุกครั้ง เพื่อให้คุณมีธุรกิจที่มีคุณภาพมีมาตรฐาน ลดข้อผิดพลาดที่จะตามมาทีหลัง ให้คุณได้รู้รายละเอียดของงานที่กำลังดำเนินงานได้อย่างโปร่งใส เพื่อการทำธุรกิจที่ยั่งยืนต่อไป
DeccoDesign เราสร้างสรรค์ผลงาน ยกระดับมาตรฐานงานออกแบบทุกประเภทร้าน มีการทำงานอย่างเป็นระบบแบบมืออาชีพ ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศแบบ One Stop Service ครบจบในที่เดียว ด้วยประการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
ติดต่อเราได้ที่
———————————————
LINE : @deccodesign
Facebook Official: Decco Design
Website : www.deccodesign.com
Tel. 093-424-1559 / 063-896-0577
———————————————
Comments